กาแฟ..
ผมจำได้ว่า ตอนเด็กๆ ผมถูกสอนว่า ชา กาแฟ เป็นสารเสพติด ทำให้ผมไม่กล้ากินกาแฟอยู่นาน เพราะตอนเด็กๆทุกคนจะบอกว่า เด็กๆอย่ากินเลยกาแฟ มันไม่ดี
แต่ที่บ้านผม ทานกาแฟกับขนมปังเป็นอาหารเช้ากันทุกวัน ทำให้ผมได้ทดลองดื่มกาแฟในที่สุด จำได้ว่าวันที่แม่ให้ดื่มกาแฟได้ คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่สุดๆแล้ว
แต่สมัยก่อนโลกของกาแฟสำหรับผม ก็ถูกจำกัดอยู่กาแฟผงสำเร็จรูป พวก เขาช่อง เนสกาแฟ ถ้าช่วงไหนได้กิน taster's choice นี่หรูสุดๆแล้วนะครับ กระปุกละสามสี่ร้อย กินไปแทบจะบินได้เลย นอกจากกาแฟสำเร็จรูปแล้วก็คงจะมีกาแฟรถเข็นปากซอย ที่เฮียแกชงกับถุงเท้า หรือไม่ก็กาแฟเย็นตามโรงอาหาร (แต่โลกกาแฟของคนอื่น อาจจะรวมถึง "คอฟฟี่ช๊อบ" ที่คุณ corgiman ชอบไปนั่งดูนักร้องอยู่บ่อยๆ)
แต่กินกาแฟไปยังไง ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นสิ่งเสพติดตรงไหน กินแล้วหายง่วงบ้าง ไม่หายบ้าง บางทีกินปุ๊บหลับปั๊บก็เคย หยุดกินมันก็ไม่เห็นลงแดงสักหน่อย
แต่พอเริ่มมาเรียนหนังสือหนักเข้า ผมต้องพึ่งพากาแฟหนักเข้า หนักเข้า ผมถึงเข้าใจว่าอาการติดกาแฟ มันเป็นยังไง ถ้าถึงเวลาต้องกินแล้วไม่ได้กินมันจะรู้สึกมึนๆหัว ปวดหัวตึ๊บๆ ง่วงนอน ทำงานไม่ได้ แต่พอกินกาแฟเข้าไปสักแก้วอาการดังกล่าวก็หายเป็นปลิดทิ้ง พอติดหนักๆเข้า บางทียังอยากลองฉีดกาแฟเข้าเส้นเลย เผื่อมันจะหายง่วงเร็วขึ้น
ยังไง วันนี้ผมขอเล่าเรื่องกาแฟหน่อยละกันครับ
ว่ากันว่า กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยม และดื่มกันแพร่หลายที่สุดรองจากน้ำเปล่าเลยทีเดียว ตำนานเล่าว่ามีการค้นพบว่ากาแฟมีสรรพคุณสร้างความกระฉับกระเฉงตั้งแต่สมัยคริสตศตวรรษที่เก้านู้น เมื่อคนเลี้ยงแพะคนนึงในทวีปแอฟริกา ไปเห็นแพะกินผลอะไรสักอย่างแล้วเกิดอาการคึกคักผิดปกติ ก็เลยกินเจ้าผลนี้ดูบ้าง และรู้สึกกระฉับกระเฉงมีเรี่ยวมีแรง ก็เลยเอาไปบอกคนอื่น เจ้าต้นไม้เพิ่มพลังก็เลยเป็นที่นิยมกันไปทั่ว ทั้งกินผลสด และชงน้ำกิน และการดื่มกาแฟก็ค่อยๆพัฒนาไปถึงการชงน้ำจากเมล็ดคั่ว

จนถึงคริสตศตวรรษที่ 15 Pope Clement VIII ออกมาแก้ปัญหาโดยการออกมาทดลองดื่มกาแฟ (คงอยากรู้ว่ากาแฟรสชาติเป็นไงกันแน่) พอได้ดื่มเข้าไปเท่านั้น ด้วยกลิ่นที่หอมหวล และรสชาติที่เข้มข้นของกาแฟ pope ก็เลย baptize กาแฟ และรับกาแฟเข้ามาเป็นเครื่องดื่มของชาวคริสต์ตั้งแต่นั้นมา มีคนบอกว่า ถ้าลองโป๊บห้ามคนดื่มกาแฟสิ นั่นจะเป็นบาปที่หนักกว่านะนั่น
หลังจากนั้น กาแฟ ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก และกลายเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมในแทบทุกประเทศ วิธีการชงกาแฟก็พัฒนาไปพร้อมๆกัน ปัจจุบันนี้เรามีทางเลือกดื่มกาแฟอยู่หลายวิธีครับ ไม่อยากจะบอกเลยว่าที่บ้านผม มีเครื่องทำกาแฟอยู่แทบทุกแบบเลย
ที่เห็นกันบ่อยๆก็คือกาแฟจากเครื่องชงแบบ drip ครับ เวลาชงน้ำร้อนจะหยดผ่านกาแฟบดละเอียด โดยใช้ฟิลเตอร์กระดาษกั้นเอาไว้ วิธีนี้ชงได้ปริมาณเยอะๆ ง่ายดี คนยุโรปจะเรียกกาแฟแบบนี้ว่ากาแฟแบบอเมริกา เพราะคนอเมริกากินกาแฟกันทีเยอะๆเป็นกระติก ต่างจากคนยุโรป ที่นิยมกินกาแฟเข้มๆแก้วเล็กๆ

แต่พอกินกาแฟธรรมดานานๆ ผมว่ามันไม่ค่อยเข้มเท่าไร กินทีต้องกินเยอะๆ แล้วผมก็มารู้จักกับ espresso ตอนไปเรียนชงกาแฟแถวๆท่าพระอาทิตย์

espresso เป็นกาแฟที่เข้มข้นมาก กินทีนึงเป็น shot หนึ่ง shot ก็แค่ประมาณ 1.5-2 Oz เรียกว่าถ้ากิน double shot ก็ตาสว่างไปได้นานพอควรแล้วครับ ถ้าใครได้ลอง espresso จะรู้ว่ามันไม่ได้ขมอย่างเดียวนะครับ แต่มีความหวานและความมันรวมอยู่ด้วย เรียกว่า กินเปล่าๆไม่ใส่น้ำตาลยังได้
นักปราชญ์ชาวตุรกี ถึงกับกล่าวไว้ว่า Coffee should be black as hell, strong as death, and as sweet as love



ถ้าพูดถึง espresso แต่ไม่พูดถึง espresso drink อื่น ก็คงจะไม่ได้ ลองดูครับ เผื่อใครไม่คุ้น อ่านแล้วจะได้ลองสั่งกาแฟแบบอื่นมาทานบ้าง
- macchiato คือ espresso ใส่เฉพาะฟองนม ทำให้ลดความเข้มข้นของ espresso ลงมาหน่อย
- cappuccino คือ espresso ใส่นมร้อน และฟองนมเท่าๆกันครับ เครื่องดื่มยอดนิยม
- latte คือ espresso ใส่นมเยอะหน่อย ฟองนมน้อยหน่อยครับ
- mocha คือ espress ใส่นมและน้ำเชื่อมชอคโกแลต
- espresso con panna คือ espresso ใส่ whipped cream ครับ ขาวข้นหวานมัน
- ristretto คือ espresso แบบเข้มข้นพิเศษครับ เพราะใช้น้ำน้อยกว่าอีกครับ เข้มสุดๆ
- lungo คือ espresso ที่เจือจางหน่อยนึง คือปล่อยให้น้ำร้อนไหลผ่านนานกว่า espresso ปกติ
- americano คือ espresso เจือจางด้วยน้ำร้อนครับ เป็นการล้อเลียนคนอเมริกาหน่อยๆ สำหรับคนที่ชอบกาแฟแบบบางๆ
- affogato คือ espresso เสริฟกับไอติมครับ
นอกจากเครื่องชงกาแฟเหล่านี้แล้วก็ยังมีเครื่องชงแปลกๆอีกหลายประเภท เช่น กาแฟเวียดนาม ที่ใส่กาแฟไว้ด้านบนแล้วรอให้กาแฟค่อยๆหยดผ่านฟิลเตอร์ลงมาแก้วด้านล่าง กาแฟตุรกี ที่การทำงานคล้ายๆกับเครื่องทำ espresso แบบอิตาเลี่ยน ฯลฯ
อูย ยิ่งเล่า อาการติดกาแฟเริ่มออกฤทธิ์อีกแล้วครับ ขอไปกินกาแฟสักแก้วก่อนเหอะครับ