Monday, February 27, 2006

เมนูประชาธิปไตย

1. ไม่ชอบคุณทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรี

2. ชื่นชมคุณสนธิ

3. เห็นด้วยกับแนวความคิดนายกพระราชทาน หรือคนกลางพระราชทาน

4. คว่ำบาตรการเลือกตั้ง

ถ้าคนไทยสักคนเลือกข้อหนึ่ง แล้วต้องเลือกข้อ 2 3 4 5 ด้วยไหมครับ? หรือว่าทั้งหมดนี้มาด้วยกันเป็นอาหารชุด?

Thursday, February 09, 2006

ศาสนากับเสรีภาพ (ภาคสอง)

แล้วศาสนากับเสรีภาพก็กลายเป็นวิกฤติระดับนานาชาติไปเสียแล้วครับ เพราะภาพการ์ตูนแท้ๆ ชาวมุสลิมลุกฮือเผาสถานทูตเดนมาร์ก ไล่จับชาวตะวันตกเป็นตัวประกัน แล้วก็จัดประกวดภาพการ์ตูนล้อการฆ่าชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สอง

หนังสือพิมพ์ตะวันตกก็ไม่น้อยหน้าครับ เขาประท้วงกันอยู่ ก็หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสพิมพ์ภาพการ์ตูนอันเดิมเพื่อพิสูจน์ freedom of speech เพื่อพิสูจน์ประโยคที่ว่า

"I may disagree with what you say but I will defend till death your right to say it."

ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่า เรื่องนี้มี Al Qaeda อยู่เบื้องหลังแบบที่บางคนอ้างหรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า free speech ก็ควรมีขอบเขตเหมือนกัน และถ้าอ้าง free speech แบบไม่ลืมหูลืมตามันก็เป็นเรื่องเอาง่ายๆ

บางคนอาจมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ถ้าคิดดูเล่นๆว่าถ้าเกิดขึ้นกับสิ่งที่เรานับถือเคารพบูชา อย่างพระพุทธเจ้า หรือในหลวงของเรา คนไทยก็คงโมโหแบบนี้เหมือนกัน (แม้ว่าอาจจะไม่ออกไปเผาสถานทูตคนอื่นก็ตาม)

แต่ผมฟังข่าวแล้วคิดถึง กบ สุวนันท์ ขึ้นมาทันใด...ไม่รู้ทำไม

Thursday, February 02, 2006

ฟังเขามาพูด

"ส่วนคำถามเรื่องจริยธรรมว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น ผมไม่ได้รับมอบหมายให้มาพูดเรื่องนี้ บอกได้แต่เพียงว่า การซื้อขายครั้งนี้ไม่มีภาษี เรื่องอื่นนั้น อยู่นอกขอบเขตที่ได้รับมอบหมาย" สุวรรณ วลัยเสถียร

"เราไม่สามารถที่จะไปตีความได้ว่ามีความผิดด้านจริยธรรมหรือไม่ ต้องวัดกันที่ตัวบทกฎหมาย" ทนง พิทยะ

ก็อธิบายกันไปแล้วครับ ไม่น่าเชื่อครับ ลงล็อกเป๊ะๆ ไม่มีอะไรผิดเลย แต่ก็ต้องรอให้กลต.ตรวจกันต่อละครับ ว่าไอ้ที่กล่าวอ้างเรื่องระยะเวลา และสัดส่วนการถือหุ้นเนี่ย มีหลักฐานถูกต้องหรือเปล่า...แต่เรื่องงี้แก้กันไม่ยากครับ กระเป๋าเดียวกัน กรอกผิดก็ขอกรอกใหม่ เมืองไทยสบายๆอยู่แล้ว

เรื่องจ่าย-ไม่จ่ายภาษีตอนขาย นี่ผมไม่ติดใจอะไรครับ เพราะมันเป็น rule of the game ที่เมืองไทยไม่คิดจะเก็บภาษีจากกำไรการขายหลักทรัพย์ ถ้าคิดจะเก็บภาษีตอนเขากำไร กรมสรรพากรก็ต้องยอมให้คนไทยเครดิตภาษีคืนตอนเขาขาดทุนหุ้น ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็คงได้ แต่คงต้องศึกษากันนิดนึงว่า มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และแรงจูงใจในการระดมทุนขนาดไหน...

แต่ที่ผมติดใจอยู่นิดนึงคือ คือการโอนหุ้นให้พี่ชายคุณหญิงพจมาน (ต้องยอมรับครับว่าท่านนายกมีลูกช้าและน้อยไปหน่อย ไม่งั้นคงไม่มีปัญหานี้) ผมได้ยินว่ากรมสรรพากรตีความว่าเป็นการให้โดยเสน่หาฯ เลยไม่ต้องนับรวมเป็นเงินได้ ก็เถียงกันได้ครับ

มาตรา 42 ตามประมวลรัษฎากรบอกไว้ว่างี้ครับ "เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้..." หนึ่งในนั้นคือ "(10) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี"

แต่ผมสงสัยว่าขนบธรรมเนียมประเพณีไทยข้อไหนบอกว่าต้องยกหุ้นให้พี่เมียเหรอครับ?

คงไม่ต้องประกาศเป็นวันพี่เมียแห่งชาตินะครับ....