Tuesday, January 31, 2006

เมืองไท้ เมืองไท

อ่านข่าวเมืองไทยช่วงนี้แล้วค่อนข้างหดหู่ครับ มีข่าวแปลกๆที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นก็ได้เห็น สมกับการต้อนรับปีหมา มันหมาสมชื่อจริงๆ (หมายถึง น่ารักนะครับ)

คงต้องคอยดูละครับ ว่าคนที่ชื่อว่าเป็น "ข้าราชการ" จะทำหน้าที่ได้สมกับเป็น "ข้า-ราช-การ" หรือเปล่า

ผมก็เพิ่งเห็นนี่ละครับว่า กรมสรรพากร ซึ่งมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์รายได้ของประเทศชาติ ออกมา ฟันธงว่ารายการโอนหุ้นนี่ไม่ต้องเสียภาษี เออดี แหะ ผมจำได้ว่า ตอนตีความคราวก่อนเรื่องโอนหุ้นคราวก่อน เขาบอกว่าไม่ต้องเสียภาษี เพราะหุ้นยังไม่ได้ขาย ยังไม่มีรายได้เกิดขึ้น ตอนนี้ขายไปแล้ว อย่าลืมไปไล่เบี้ยด้วยละครับ

แล้วก็ ตลาดหลักทรัพย์ กับ กลต. อีกครับ งานนี้งานช้างเลยครับ ถ้าเอากันจริงๆ เผลอๆมีคนติดคุกได้ แต่ผมว่าสุดท้ายแล้วคงโอละพ่อ เพราะไล่ไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ Ample Rich เพราะไม่ได้จดทะเบียนในเมืองไทย แล้วก็เก็บเรื่องเข้าลิ้นชัก ต้องรอดูกันต่อไป ต้องให้เวลาเขาหน่อยครับ เพราะมันสืบกันยาก แต่แค่บอกว่ากรอกผิดโดยสุจริต ก็คงรอดได้สบายๆแล้วละครับ

อ้อ เรื่อง insider trading อีกนะครับ อย่าลืมมาอธิบายให้ฟังด้วยว่าผิด หรือไม่ผิดยังไง รอฟังอยู่ครับ เพราะได้ยินว่ามีรายการขายหุ้นก่อนถึง deal น่าจะเข้าข่ายนะครับ ผมเข้าใจว่า ถ้าจะผิด insider trading ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า 1) มี nonpublic information (เช่น ได้ยินมาจากคนที่มีข้อมูลที่สาธารณชนไม่รู้) 2) มีการ take action (คือ ทำหรือไม่ทำอะไร) จากข้อมูลนั้น และ 3) ได้ประโยชน์จากข้อมูลนั้น เช่น บังเอิญขายก่อนที่ราคาสูงกว่าจะได้ขายได้ในภายหลัง ฟังๆดูแล้วน่าจะครบนะครับ แต่อย่างว่าครับ ข้อหานี้พิสูจน์ยาก ขนาด Martha Stewart ยังไม่ผิด insider trading เลยครับ

เอาเหอะครับ คงต้องปล่อยให้นักกฎหมายจัดการกันไป กลัวแต่ว่า ฯพณฯ จะไม่ได้ใช้กฎหมายเล่มเดียวกันกับพวกเรานะสิครับ

อีกอันนึงที่ผมฟังแล้วเซ็งๆ คืออาการตีกัน ของผู้ใหญ่หลายๆคน ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยกับตน ก็บอกว่า โง่บ้างละ ไม่รักชาติบ้างละ ไม่จงรักภักดีบ้างละ อิจฉาริษยาบ้างละ ไม่กระตุ้นสมองกันบ้างเลย ฟังแล้ววัยรุ่นเซ็ง

2 Comments:

At 12:48 AM, Anonymous Anonymous said...

ตอนนี้ พี่รู้สึกอายมากที่จะบอกว่าตัวเองเป็นนักกฎหมาย เพราะวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในไทยและสหรัฐฯ หรือ หลายประเทศ ก็ล้วนแต่เกิดจากการที่มีนักกฎหมาย ที่ไร้จรรยาบรรณ ให้ความช่วยเหลือทั้งนั้น ............... เมื่อไหร่ผู้มีอำนาจทั้งหลายจะรักเมืองไทยบ้างก็ไม่รู้นะ .... เซ็งจริง ๆ

 
At 1:00 AM, Blogger Saruj said...

รู้สึกกลับกันเลยแฮะ ^_^

แว่บแรกที่ได้ข่าวนี้ก็ไม่สนใจเลย
เพราะคิดอยู่แล้วว่า "ระดับนี้แล้ว" การหานิติบริกร หรือ เศรษฐบริกร ระดับหัวแถวของเมืองไทยมาเป็นทีมงานไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
การจะระดมสมอง หาทางซิกแซก ปาดซ้าย ปาดขวา เพื่อหาทางออก ไม่น่าจะทำยากอะไร สำหรับกลุ่มคนระดับมันสมองของประเทศ

ไหนจะสารพัดอำนาจในการควบคุมการออกกฏหมาย ควบคุมหน่วยงานตรวจสอบ ฯลฯ

พูดตรงๆว่าแว่บแรกที่ได้ยินข่าวนี้ รู้สึกว่าคงโง่มาก หากทำ "โฉ่งฉ่าง" ให้ผิดกฏหมายแบบดำเป็นดำ ขาวเป็นขาว




แล้วการณ์ก็ออกมาเป็นเช่นนั้นจริงๆ

แม้ว่าจะตื่นเต้นอยู่บ้างในช่วงแรก ว่าแนวทางที่ "เป็นไปได้" (ตอนนั้นยังไม่มีใครออกมาแถลงอะไร ทุกคนได้แต่เดาๆกันไปว่ามันเป็นมาได้อย่างไร) ไม่ว่าทางไหน มันดูเหมือนว่าจะมีการผิดกฏหมายทั้งนั้น

แต่เอาเข้าจริง .. หลังการแถลงการณ์ทั้งหมด ก็กลับเป็นว่า "ไม่มีอะไรผิด" ตามที่คาด

ในฐานะที่ได้นั่งฟังการชี้แจง "สดๆ" จากที่นี่
ถ้าเอาจิ๊กซอว์ของคำชี้แจงทุกอันมาต่อกัน ให้สอดประสานจากทุกฝ่ายแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆที่มัน "ไม่ผิดกฏหมาย" เล้ยยย ซักกระนิดนะ

(( อย่างน้อยก็ไม่ผิด ในแนวทางการตีความกฏหมายแบบนั้น ส่วนต่อไปจะตีความกฏหมายกันไปทางไหนเพิ่มหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่อง ))




สิ่งที่รู้สึกเซ็งตอนนี้เป็นเรื่องความรู้สึกทางสังคม และความชอบธรรมในการเป็น "ผู้นำ" ประเทศมากกว่า

ตอนนี้รู้สึกว่าแบ่งแยกไม่ได้ ระหว่าง "นายก" กับ "นักธุรกิจ"

และเรื่องราว (ที่ไม่ผิดกฏหมาย) ที่เปิดเผยออกมาให้รู้กันเนี่ย มันยิ่งตอกย้ำ เรื่องของการ "คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย" แบบจับต้องได้เลยทีเดียว

(( มีอย่างที่ไหน กฏหมายประกาศวันที่ 21 ขายหุ้นวันที่ 23 ทันที ))




นาย ก คนนี้ขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยการออดอ้อนต่อสังคม ให้นึกถึงหลัก "รัฐศาสตร์" ด้วย ไม่ใช่คำนึงถึงแต่หลัก "นิติศาสตร์" เพียงอย่างเดียว

และสังคมไทย ก็ใจดี ยอมหรี่ตามองที่หลัก "นิติศาสตร์" เพียงครึ่งเดียวให้แล้ว

คราวนี้เรื่องราวถูกต้องตามหลัก "นิติศาสตร์" ครบถ้วน
ก็รอดูอยู่ว่าสังคมจะมองเรื่องนี้ผ่านหลัก "รัฐศาสตร์" อย่างไร






ขออภัยที่ comment เสียยาว พอดีกำลังอินน่ะ แหะ แหะ

 

Post a Comment

<< Home