Thursday, September 17, 2009

ย้ายบ้านแล้วครับ...

หลังจากปิดบ้านมานานเพราะ ไม่มีเวลาจะเขียน หยากไหย่ขึ้นเต็มบ้านไปหมด วันนี้นึกยังไงไม่รู้ เกิดฟิตขึ้นมาลองย้ายบ้านไป wordpress ดูสักหน่อย สงสัยเพราะเห็นว่าช่วงนี้ blog เลิกนิยมไปแล้วเพราะคนไป twitter กันหมด ถึงเวลาปัดฝุ่นเก็บกวาดบ้านสักที

คิดว่าคงไม่เหลือมิตรรักแฟนเพลงสักเท่าไรแล้ว แต่ใครยังผ่านมาเห็นส่งเสียงหน่อยครับ

kickoman.wordpress.com ครับ

Tuesday, April 24, 2007

เจอแล้ว Kryptonite!

วันนี้เป็นวันที่ geek บางคนดีใจแทบแย่ เพราะนักวิทยาศาสตร์พบว่า แร่ Kryptonite ที่โด่งดังมาจากการ์ตูนและภาพยนตร์ชื่อดัง อาจจะไม่ได้เป็นแค่เรื่องในนิยายเสียแล้ว

มี geek บางราย ดีใจถึงขนาดรีบส่งข่าว แล้วบังคับให้ผมเขียนเรื่องนี้ให้ ตัวเองจะได้ไม่ดู geek มากเกินงาม

เรื่องมีอยู่ว่านักวิจัยกลุ่มหนึ่ง ไปค้นพบแร่แปลกประหลาดชนิดหนึ่งในเหมืองประเทศ Serbia แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่ามันแค่แร่อะไรกันแน่ ถึงวิเคราะห์ส่วนผสมในแร่นั้นได้ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคือแร่อะไร

เลยเอาไปให้นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษดู ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คนนี้ก็ไม่รู้จัก เลย search ในเวบดู และต้องตะลึงว่าส่วนผสมในแร่ที่ค้นพบนั้น ดันไปคล้ายกับชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่เขียนไว้ในตู้โชว์แร่ Kryptonite ที่ Lex Luther ไปขโมยมาจากพิพิธภัณฑ์ (ก่อนจะเอาไปใช้สร้างแผ่นดินใหม่ในภาพยนตร์เรื่อง Superman Returns

โดยที่ตู้โชว์นั้นเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ว่า "Sodium lithium boron silicate hydroxide with fluorine" ซึ่งดันบังเอิญไปคล้ายกับสูตรทางเคมีของแร่ที่พบใหม่นี้ "Sodium lithium boron silicate hydroxide-- LiNaSiB3O7(OH)" เรียกว่าเป็นเรื่องบังเอิญแบบสุดๆ

แต่เสียดายที่เจ้าแร่นี้คงจะไม่ได้ชื่อว่า Kryptonite แบบในเรื่อง Superman เพราะดันไปคล้องกับธาตุ Krypton (Kr) ซึ่งมีเลขอะตอม 36 มีลักษณะเป็นแก๊ซ และไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ้าแร่ที่ค้นพบใหม่นี้เลย

ส่วนเจ้าแร่นี้ได้รับชื่อว่า Jadarite แทนครับ เพราะ Jadar เป็นชื่่อเขต ในประเทศ Serbia ที่เจ้าแร่นี้ถูกค้นพบ

แม้ว่าเจ้าแร่นี้จะไม่มีส่วนผสมของ fluorine เป็นสีขาวแทนที่เป็นสีเขียว และถูกค้นพบที่ Serbia แทนที่จะเป็นเมือง Addis Ababa แบบในเรื่อง Superman แต่ก็ทำให้แฟนพันธุ์แท้ Superman ได้ตื่นเต้นกันยกใหญ่

ตอนนี้้แม้ว่า จะตรวจสอบไม่พบว่าเจ้าแร่นี้ทำให้ใครหมดพลัง แต่ไม่แน่นะ ถ้า Superman บินผ่านประเทศ Serbia อาจจะหมดแรงตกลงพื้นก็ได้

...ใครจะรู้

Sunday, April 22, 2007

Bodies... the Exhibition


เมื่อวานนี้ไปดูนิทรรศการ Bodies... the Exhibition มาครับ เจ๋งดี เขาเอาร่างกายจริงๆของคน (หรือศพ เนี่ยแหละครับ) มา preserve ด้วยวิธี polymer preservation คือ เอาร่างกายที่เปิด และจัดท่าทางได้ที่แล้ว เอาไปแช่ใน acetone เพื่อกำจัดน้ำออกจาก cells แล้วเอาไปแช่ในอ่าง polymer ให้ acetone ระเหยออกไปและ polymer เข้าไปแทนที่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย สิ่งที่ได้คือร่างแข็งๆที่ไม่เน่าสลาย สามารถใช้แสดงอวัยวะภายในได้อย่างดี

นิทรรศการเขามีหลายห้องครับ ทั้งกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบเส้นประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร ระบบปัสสาวะ และ ระบบสืบพันธ แต่ละห้องโชว์รายละเอียดภายในได้เจ๋งมากครับ

ที่ผมชอบที่สุดคือห้องเลือด ที่เขาเอาสีฉีดเข้าไปในระบบเส้นเลือดทั้งหมด แล้วเอากรดกัดเอาเนื้อเยื่อและกระดูกออกทั้งหมด เหลือแต่สีที่แสดงถึงระบบเส้นเลือดในร่างกาย ทั้งเส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย แต่ดูรวมๆยังเหมือนอวัยวะต่างๆของร่างกายอยู่ เด็ดจริงๆ

สนใจไปดูได้ครับที่ http://www.bodiestheexhibition.com/bodies.html

Thursday, March 15, 2007

Principles of economics, translated

เพื่อนผมส่งคลิปนี้มาให้ดูครับ ฟังแล้วจี้ดี อยากฟังเพิ่มแวะไปดูได้ที่ www.standupeconomist.com ครับ

Tuesday, February 27, 2007

Shanghai effect...

เอาละครับ วันนี้ก็มาถึง วันที่ตลาดการเงินโลกส่งสัญญาณบอกนักลงทุนทั้งหลายว่า ความเสี่ยงจากการลงทุนยังไม่ได้หายไป หลังจากที่ทำตัวดีเกินจริง ขึ้นเอาขึ้นมาสักระยะหนึ่ง

เริ่มจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นจีนตกวันเดียวเกือบ 9 เปอร์เซนต์ ทำเอาตลาดหุ้นช็อกทั่วโลก

Dow Jones Industrial Average ตกวันเดียว 400 กว่าจุด มากที่สุดนับตั้งแต่ September 11 เลยทีเดียว ตลาดหุ้นอื่นๆก็ตกกัน 2-5 เปอร์เซนต์เกือบทั่วโลก ทำเอาคนเล่นหุ้นก็นั่งกุมขมับ

แม้ว่าหุ้นไทยคงจะตกไม่ถึงกับคราวมาตรการ 18 ธันวา แต่ก็คงได้รับผลกระทบไม่น้อยแน่ๆ

รอดูกันครับ ว่าการ "ปรับฐาน" ครั้งนี้จะยาวนานสักแค่ไหน จะหมู่หรือจ่า เดี๋ยวก็รู้ครับ เดี๋ยวขอผมไปนอนเลียแผลก่อนครับ....

Tuesday, January 09, 2007

iPhone?

เอาละครับ Steve Jobs เพิ่งประกาศเปิดตัว iPhone โทรศัพท์มือถือค่าย Apple ที่หลายๆคนคาดหวังไว้มากเหลือเกิน

ที่เจ๋งคือรัน OS X และมีปุ่มแค่ปุ่มเดียวบนโทรศัพท์! สมกับเป็น apple จริงๆ

ฮิตหรือไม่ฮิต รอดูกันครับ แต่ผมเริ่มเก็บตังค์หยอดกระปุกแล้วครับ

อ่านเพิ่มได้ที่ zdnet

อ้า ลงบนเวบ Apple แล้ว

Sunday, January 07, 2007

I got tagged!

ผมเพิ่งโดน tag จากคุณ คนชายขอบ มาครับ ทีแรกก็ว่าจะทำเป็นแกล้งเฉไฉไม่รู้ไม่เห็น แต่พอเห็น blog tag trace ของคุณ keng แล้วอยากเล่นขึ้นมากะเขาด้วย เลยต้องมานั่งปัดหยากไหย่อัพบลอกอีกรอบ

(สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก blog tag คือจดหมายลูกโซ่ดีๆนี่เอง กติกาคือเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวเองห้าข้อ แล้ว tag คนอื่นต่อไปอีกห้าคน)

เอาละครับ ห้าอย่างเกี่ยวกับตัวผมที่คุณอาจจะยังไม่รู้ (หรือว่าอาจจะรู้แล้ว)

1. ผมเล่นคอมพิวเตอร์ครั้งแรกตอน ป.4 คุณพ่อพาไปเล่นเครื่อง XT 8088 ที่ทำงาน ผมว่าคุณพ่อคงติดใจเจ้าเกม digger ขนาดหนักเลยลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์มาให้เล่นที่บ้าน... ผมใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์รายงานฉบับแรก (บน Word ราชวิถี!--อย่าแปลกใจถ้าคุณไม่รู้จัก) ตอนอยู่ ป.5 เป็นรายงานฉบับแรกของโรงเรียนที่ใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์ ภูมิใจมากครับ แต่คิดว่าตอนนั้นคงไม่มีใครรู้ว่าใช้คอมพิวเตอร์ทำ คงคิดว่าใช้พิมพ์ดีดซึ่งก็หรูแล้ว

2. ผมเป็นคนกินเร็วถึงเร็วมาก ถ้าใครเคยกินอาหารจานเดียวกับผมจะรู้ถึงความเร็วของผมครับ เพราะกินหมดก่อนคนอื่นประจำ แต่ถ้าไปนั่งกินข้าววงเดียวกันอาจจะไม่รู้ เพราะผมกินเร็ว แต่ใช้เวลาปกติ (ก็คือกินเยอะนั่นแหละครับ แต่เนียนครับ) ผมโทษเพื่อนผมสมัยมัธยมชื่อไอ้ผีครับ ไอ้ผีสอนให้ผมรู้ว่าโลกนี้มันโหดร้ายนัก ทุกพักกลางวันไอ้ผีจะมาพร้อมกับส้อมเพชรฆาตของมัน ถ้าใครกินข้าวช้าจะโดนไอ้ผีแย่งของดีไปกินอยู่เสมอ (เข้าใจว่ามันคงเก็บตังค์ไปซื้อเกมเล่น) ทำให้ผมต้องรีบกินให้เสร็จก่อนไอ้ผีมาถึง ไม่มีหรอกครับ ว่ากินบะหมี่แล้วเหลือลูกชิ้นไว้กินตอนสุดท้าย...โลกเรามันโหดร้ายครับ

3. เกมโปรดของผมคือ starcraft สมัยก่อนปิดบ้านตี starcraft กับคณะจนดึกจนดื่นอยู่บ่อยๆ (ถาม อ.มะนาวได้)

4. ผมอยากเล่นเทควันโด้มาตั้งแต่เด็ก เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีความยืดหยุ่นอยู่พอตัว สามารถยืดขาแล้วก้มเอาหัวไปแตะหัวเข่าได้ หรือเอาขาพาดคอก็พอไหว และเตะสูงถึงสูงมาก ตอนเด็กๆเวลาทำกายบริหารหน้าเสาธง ผมมักจะเตะใบไม้ใกล้ๆกระจุยเป็นประจำ แต่สมัยก่อนไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน เลยเพิ่งมาหัดเอาตอนแก่แล้ว....เลยได้แค่สายน้ำเงิน เพราะไม่มีเวลาไปซ้อม+สอบ กำลังคิดว่าไปเล่นโยคะ ท่าจะรุ่งกว่า

5. ผมเป็นคนที่ปรับนาฬิกาชีวิตยาก ทำให้มี jet lag ง่ายและรุนแรง เวลาบินไปไหนมาไหนจะใช้เวลานานในการปรับตัว สมัยเรียน ไม่มีใครบังคับให้ไปทำอะไร นอนตีห้าตื่นเที่ยงอยู่เป็นเป็นเดือนหลังจากกลับจากเมืองไทย พอโรงเรียนเปิดหลับใน class 9.30 อยู่หลายอาทิตย์ ... ตอนนี้ผมก็ยัง jet lag อยู่ นอนสองทุ่มตื่นตีสองมาหลายวันแล้วครับ เลยมีเวลามานั่งอัพบลอก

เอาละครับขอ tag กดดันต่อ ใครยังไม่ได้อัพบลอกมากกว่าหนึ่งปี อัพได้แล้วครับ
StrawHat กับ Nippahn ผู้เปิดบลอกไว้ตบยุง, chezplayer, David Ginola, แล้วก็สุดท้าย Biggie

พี่ Biggie เคย tag ผมไว้ปีกว่าๆมาแล้ว ตอนนั้นยุ่งๆอยู่ เลยลืม tag ต่อ ขออนุญาต tag กลับเลยละกันนะครับ หุหุ

หลังจากปิดกิจการอยู่นาน ไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้จะเข้ามาอยู่หรือเปล่า ใครเจอฝากบอกต่อๆกันด้วยนะครับ

Tuesday, December 05, 2006

กลับบ้านเรา....

จะกลับไปเที่ยวเมืองไทยพรุ่งนี้แล้วครับ ไว้เจอกันครับ...

Tuesday, November 21, 2006

ขอไว้อาลัยแก่ Milton Friedman


Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้วยอายุ 94 ปี

นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนคงรู้จัก Milton Friedman เป็นอย่างดีในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในผู้พลิกโฉมวิชาเศรษฐศาสตร์ โดยนำ Monetarism (ฉบับ Chicago ครองเมือง) กลับมาสู้กับค่าย Keynesian ในยุค 1960s-70s

นอกจากจะเป็นนักคิด นักทฤษฏีผู้ยิ่งใหญ่แล้ว Friedman ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนานโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในยุค 80s อีกด้วย

ก็ขอร่วมไว้อาลัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ

Tuesday, November 07, 2006

ฤดูใบไม้ร่วง

พอไปเดินเล่นสวนสัตว์มา เลยเอารูปใบไม้เปลี่ยนสีกับรูปแพนด้ามาฝากครับ ไปดูกันได้ที่ Gallery ครับ ติชมได้ตามชอบครับ

Monday, November 06, 2006

Borat: Cultural Learnings of America for Make Benefit Glorious Nation of Kazakhstan


ใครเป็นแฟน Sacha Baron Cohen คงรู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้แน่ๆ

เป็นหนังที่ผมอยากดูมาก แต่คงรอให้คนหมดก่อน จะได้ไม่ต้องไปเข้าคิว เพิ่งเข้าโรงอาทิตย์นี้ และกลายเป็นหนังทำรายได้อันดับหนึ่งไปแบบผิดคาด ทั้งๆที่จำนวนโรงฉายน้อยกว่าชาวบ้านเขา

เป็นหนังตลก เกี่ยวกับ Borat Sagdiyev นักข่าวชาว Kazakhstan มาผจญภัยในอเมริกา

หนังเรื่องนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเนื้อหาค่อนข้าง offensive ต่อประเทศ Kazakhstan คนยิว (Cohen เป็นคนยิวด้วย เลยรอดไป) และผู้หญิง แบบสุดๆ จนกระทรวงต่างประเทศ Kazakhstan ต้องออกมาประท้วงทางการทูต หลังจาก Cohen ไปเป็นพิธิกร MTV ในฐานะ Borat

We do not rule out that Mr. Cohen is serving someone's political order designed to present Kazakhstan and its people in a derogatory way. We reserve the right to any legal action to prevent new pranks of the kind. We view Mr. Cohen's behaviour at the MTV Europe Music Awards as utterly unacceptable, being a concoction of bad taste and ill manners which is completely incompatible with ethics and civilized behaviour."
-Yerzhan Ashykbayev, Kazakh Foreign Ministry Spokesman


Borat เลยได้ทีตอบโต้ ผ่านทางวีดีโอ บอกว่า

"In response to Mr. Ashykbayev's comments, I'd like to state I have no connection with Mr. Cohen and fully support my Government's decision to sue this Jew. Since the 2003 Tuleyakiv reforms, Kazakhstan is as civilized as any other country in the world. Women can now travel on inside of bus, homosexuals no longer have to wear blue hats, and age of consent has been raised to eight years old. Also, the government has now thrown the jew down the well, so their country can be free! Please, captain of industry; I invite you to come to Kazakhstan where we have incredible natural resources, hardworking labour, and some of the cleanest prostitutes in whole of Central Asia. Goodbye! Dzienkuje!"


ฟังแล้วกลุ้ม รัฐบาล Kazakhstan คงเพิ่งรู้สึกว่า ยิ่งมีเรื่องให้คนพูดถึงเท่าไรยิ่งเป็นการโปรโมตหนังให้ดังเข้าไปใหญ่ ก็เลยหยุดประท้วงหนังแล้วปล่อยเลยตามเลย หันมาโฆษณาประเทศแทน

ใครสนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับ Borat ไปอ่านที่ wikipedia หรือ MySpace ได้ครับ

หรือใครสนใจ ดูตัวอย่างหนัง ดูได้ที่ YouTube ครับ

ดูแล้วอย่าคิดมากครับ =)

Sunday, November 05, 2006

การเมืองบ้านเขาบ้านเรา

ช่วงนี้ ประชาธิปไตยแบบไทยๆบ้านเราขอเว้นวรรคชั่วคราวอยู่ครับ เลยไม่มีเรื่องการบ้านการเมืองแบบสนุกๆ แบบที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมให้พูดถึงกันเท่าไร ก็ปล่อยให้นักการเมืองแบบแต่งตั้งท่านทำงานกันไปก่อนครับ

รอเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ แล้วประชาชนค่อยกลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

แต่ดูข่าวเมืองไทยแล้วก็แม่งๆ ประหลาดๆ จนพักนี้ผมเริ่มสับสน ไม่รู้อะไรเป็นอะไร

ข่าวไหนแต่ง ข่าวไหนจริง ข่าวไหนปล่อย ข่าวไหนสร้าง เริ่มจะงงๆครับ

นี่แหละครับ history in the making ก็รอกันไปเรื่อยๆครับ แล้วจะได้รู้กันว่า จบบทนี้ของประวัติศาสตร์ชาติไทย ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก


ไม่มีการเมืองไทยให้ติดตาม ก็ติดตามการเมืองมะกัน กันสักหน่อยก็ได้ครับ อีกวันสองวันนี้ (วันอังคาร) ก็จะถึงการเลือกตั้ง "กลางภาค" (midterm elections) ของอเมริกาเขาครับ

Midterm elections คือการเลือกตั้งที่อยู่กลางภาคระหว่างเทอมของประธานาธิบดี ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งชิง ส.ส. ทั้งหมดของสภา ทั้งหมด 435 เก้าอี้ (เทอมยาวสองปี) และส.ว. อีก 33 เก้าอี้ของวุฒิสภา (วุฒิสภา มีทั้งหมด 100 ตำแหน่ง มีเทอมหกปี--ส.ว. หนึ่งในสามก็จะผลัดกันครบเทอม และมีการเลือกตั้งกันทุกๆสองปี) นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอีก 36 รัฐ

เรียกว่า เป็นการเลือกตั้งิครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง หยั่งเสียงเตรียมความพร้อมก่อนการเลือกตั้งชิงประธานาธิบดี อีกสองปีข้างหน้า

ตอนนี้ Republican ครองเสียงข้างมาก ทั้งสภาบนและสภาล่าง และเก้าอี้ประธานาธิบดี การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของ Democrat ที่จะกลับมามีบทบาทในสภาอีกครั้ง

ยิ่งช่วงนี้นักการเมืองฝั่ง Republican ทำตัวเงอะๆงะๆ บ้าๆบอๆ มีปัญหานู้นปัญหานี้ ทั้งคอรัปชั่น และเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายแหล่ (บางคนเรียกสภาชุดนี้ว่าเป็นสภาที่ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์) แล้ว approval rating ของน้าบุช ยังตกต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก็เพราะความล้มเหลวในการจัดการสงครามในอีรักนั่นแหละครับเรื่องใหญ่

โอกาส Democrat จะกลับมาครองสภาไม่น่าจะยากนัก

แต่การเมืองมะกันนี่ ดูไปเหมือนการเมืองไทย (ยุคที่ยังมีการเลือกตั้งกันอยู่) อย่างกับแกะ ไม่ว่าพรรครัฐบาลจะทำตัวปัญญาอ่อนขนาดไหน พรรคฝ่ายค้านก็ไม่ได้ทำตัวให้น่าเลือกเลย...

สามสี่วันก่อน ตอนที่คะแนนเสียง Democrat นำมาโด่งๆ น้าเคอร์รี่ คู่แข่งชิงประธานาธิบดีหนที่แล้ว คราวนี้ไม่ได้ลงแข่งอะไรกับเขา คงทนนั่งอยู่บ้านเฉยๆไม่ไหว ออกมาช่วยลูกพรรคหาเสียง แล้วดันปล่อยมุขไม่ขำ ตั้งใจจะด่าน้าบุชว่าโง่แล้วยังพาคนไปติดในอีรักอีก แต่ดันไปพูดว่า

If you make the most of it, study hard, do your homework, and you make an effort to be smart, you can do well. If you don't, you get stuck in Iraq.


อ้าว งี้ก็ไม่ขำสิครับ เพราะเท่ากับบอกว่าทหารในอีรักไม่ฉลาด ทีนี้ละครับโดนยำเละ ขนาด republican strategist ยังออกมาบอกว่า John Kerry is the best thing that could ever happen to Republican คือเป็นตัวช่วยฉุด Republican ออกมาจากปากหลุมแท้ๆ

ช่วงนี้ก็เรียกว่า ช่วงโค้งสุดท้ายละครับ ใครมีอะไรดี ก็ใส่กันให้หมด เปิดทีวีดูนี่มีโฆษณาเกี่ยวกับการเมืองแทบจะติดๆกันเลย

ทีนี่หาเสียงกันทางทีวีหนักมากครับ ไม่ค่อยมีหรอกครับ ไอ้ป้ายติดตามเสาไฟฟ้า และข้อความทางทีวีนี่เรียกว่า ด่าๆกันตรงๆ เลยละครับ

ยิ่งเมืองที่ผมอยู่ เป็นเขตชายแดนหลายรัฐ มีการเลือกตั้งหลายอย่างเหลือเกิน เลยได้ดูโฆษณาอัดกันเป็นคู่ๆเลยละครับ

ประเด็นที่ยกขึ้นมาอัดกันนี้ก็ไม่พ้นเรื่องว่าเป็นพวกบุชหรือไม่ใช่พวกบุช จุดยืนเรื่องสงครามอีรัก ใครนิยมการขึ้นภาษี นโยบายด้านการศึกษา รวมไปถึง stem cell research เรียกว่าใครสนใจประเด็นไหน? ก็เลือกโหวตได้เลย

แต่วันนี้ ไม่รู้บังเอิญหรือจงใจ ผลการตัดสินประหารซัดดัม ออกมาสองวันก่อนมีการเลือกตั้ง นี่ถ้าเป็นประเทศอื่น ต้องมีคนสงสัยกันอีกแน่ๆ ว่าศาลบ้าอะไรทำงานวันอาทิตย์ กะให้ผลออกวันที่คนนั่งดูข่าวอยู่บ้านแน่ๆ แต่โชคดีเป็นประเทศมุสลิม ยังพอกล้อมแกล้มไปได้

แต่ข่าวนี้คงเป็นผลดีกับ Republican ไม่น้อย เพราะเป็นการส่งสัญญาณว่าบุช ประสบความสำเร็จในอีรักในระดับหนึ่ง

แต่ผมฟังเหตุผล ยังไงก็ไม่น่าเกี่ยวกับการเมืองมะกันตรงไหน เพราะเหตุผลที่บุชไปบุกอีรักคือ สงสัยว่าเขามี WMD แต่ข้อหาที่ซัดดัมโดนประหารคือ Crimes against humanity สมัยสั่งฆ่าชาา Shi'ite ยี่สิบกว่าปีก่อนนู้น

แต่หลังจากทนฟังข่าวแย่ๆจากอีรักมานาน "ข่าวดี" (ในสายตาของน้าบุช) แบบนี้ก็ช่วยบรรเทากระแสร้อนลงไปได้

ก็รอดูกันครับ ว่าใครจะชนะในเกมนี้



ลุ้นการเมืองบ้านเขาไปก่อนแล้วกันครับ ไว้รอบ้านเราการเลือกตั้งกลับมาอีกรอบค่อยไปรอลุ้นกัน หวังว่าจะไม่นานเกินรอนะครับ

Wednesday, November 01, 2006

ผมป่วย

สามสี่วันก่อนผมป่วยงอมแงม ออกจากบ้านไม่ได้ เลยนั่งเล่นกับน้อง mac เพื่อนยากของผม ว่างๆอยู่เลยนั่งลง LaTeX ให้น้อง mac ผมสักหน่อย เผื่อต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน

ผมยึดมั่นในหลักการเดียวครับ คือ ฟรีไว้ก่อน พ่อสอนไว้

พอลง LaTeX เสร็จ ก็ดันรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ เพราะบน mac ไม่มี dvi viewer แบบที่ไม่ต้องจ่ายตังค์ ก็เลยคิดว่าจะลง x11 มันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย (x11 คือโปรแกรมที่ทำให้ mac ทำตัวเหมือน x-window บน unix ได้น่ะครับ) จะได้ใช้ xdvi บน x-window ได้

พอลงเสร็จ ผมเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกนี่ละครับ ว่าน้อง mac ของผมนี่ ไม่ใช่แค่แมวเหมียวน่ารักๆอย่างเดียวเสียแล้ว แต่มันสามารถแปลงสภาพเป็นแม่เสือสาวได้โดยไม่ยากเลย

ความทรงจำเมื่อครั้งยังต้องทำงานบน unix กลับมาอีกครั้ง แต่ทีนี้ผมสามารถทำอะไรๆ แบบไม่เกรงใจ root แล้วครับ เพราะตัวเองสามารถแปลงร่างเป็น root ได้เอง นอกจากนี้ ทีนี้ผมยังสามารถเอาโปรแกรมดีๆ (และฟรีๆ) บน unix มาใช้เองที่บ้านได้อีกด้วย เพิ่งรู้เอาตอนนี้ละครับว่า mac นี่มันเจ๋งจริงๆ

พอลงได้เสร็จ รัน LaTeX ได้ ก็เริ่มโลภมาก อยากได้ LaTeX ภาษาไทย ไม่รู้เอาไว้ทำไมละครับ แต่อยากได้ ก็เลยนั่งศึกษาต่อไป ลองผิดลองถูกอยู่สองสามวัน จนตอนนี้ emacs ของผม ทั้งบน mac windows และ x-window รัน LaTeX ภาษาไทยได้แล้ว (เย้)

พระเจ้าจ๊อด มันยอดมากครับ พอวันนี้หายป่วยแล้ว เริ่มรู้สึกว่า เวลาป่วยนี่ก็ดีเหมือนกันนะ productive ดี เดี๋ยวต้องเริ่มคิดไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าคราวหน้าป่วย จะทำอะไรดี =)

ตอนนี้ ยังคิดๆอยู่ว่า จะเขียนวิธีลงเจ้าพวกนี้เอาไว้สักหน่อย ไม่งั้นคราวหน้าลืมแน่ๆ ว่าลงมาได้ยังไง แต่สงสัยคงต้องให้ป่วยอีกรอบละครับ ถึงจะเขียนเสร็จ

Wednesday, October 18, 2006

Walmart & Poverty Reduction?

หายไปซะนาน ปล่อยให้ blog หยากไหย่ขึ้น พอดีไปอ่านเขาบทความน่าสนใจดี เลยเอามาใช้ปัดฝุ่น blog สักหน่อย

แล้วเจอกันใหม่ครับ


Shopping For A Nobel
By JOHN TIERNEY
17 October 2006
The New York Times

I don't want to begrudge the Nobel Peace Prize won last week by the Grameen Bank and its founder, Muhammad Yunus. They deserve it. The Grameen Bank has done more than the World Bank to help the poor, and Yunus has done more than Jimmy Carter or Bono or any philanthropist.

But has he done more good than someone who never got the prize: Sam Walton? Has any organization in the world lifted more people out of poverty than Wal-Mart?

The Grameen Bank is both an inspiration and a lesson in limits. Compared with other development programs, it's remarkable for its large scale. Since it was started three decades ago in Bangladesh, it has expanded to more than 2,000 branches. Its micro-loans, typically less than $150, have helped millions of villagers start small businesses, like peddling incense or handicrafts at the local market, or selling milk and eggs.

The economist William Easterly, who was afraid Bono was going to get this year's Nobel, calls the bank's prize ''a victory for the one-step-at-a-time homegrown bottom-up approach'' to development. That approach is a welcome contrast to the grandiose foreign-aid schemes that do more harm than good, as Easterly documents in his book, ''The White Man's Burden.''

But there's a limit to how much money villagers can make selling eggs to one another -- a thatched ceiling, as Michael Strong calls it. Strong, the head of Flow, a nonprofit group promoting entrepreneurship abroad, is a fan of the Grameen Bank, but he figures that villagers can lift themselves out of poverty much faster by getting a job in a factory.

The best way for third world villagers to tap ''the vast pipeline of wealth from the developed world,'' he argued in a recent TCSDaily.com article, is to sell their products to the world's largest retailer, Wal-Mart. Strong challenged anyone to name an organization that is doing more to alleviate third world poverty than Wal-Mart.

So far he's gotten a lot of angry responses from Wal-Mart's critics, but nobody has come up with a convincing nomination for a more effective antipoverty organization. And certainly none that saves money for Americans at the same time it's helping foreigners.

Making toys or shoes for Wal-Mart in a Chinese or Latin American factory may sound like hell to American college students -- and some factories should treat their workers much better, as Strong readily concedes. But there are good reasons that villagers will move hundreds of miles for a job.

Most ''sweatshop'' jobs -- even ones paying just $2 per day -- provide enough to lift a worker above the poverty level, and often far above it, according to a study of 10 Asian and Latin American countries by Benjamin Powell and David Skarbek. In Honduras, the economists note, the average apparel worker makes $13 a day, while nearly half the population makes less than $2 a day.

In America, the economic debate on Wal-Mart mostly concerns its effect on American workers. The best evidence is that, while Wal-Mart's competition might (or might not) depress the wages of some workers, on balance Americans come out well ahead because they save so much money by shopping there.

Some critics, particularly ones allied with American labor unions, argue that the consumer savings don't justify the social dislocations caused by Wal-Mart's relentless cost-cutting. They'd rather see Wal-Mart and other retailers paying higher wages to their employees, and selling more products made by Americans instead of foreigners.

But this argument makes moral sense only if your overriding concern is saving the jobs and protecting the salaries of American workers who are already far better off than most of the planet's population. If you're committed to Bono's vision of ''making poverty history,'' shouldn't you take a less parochial view? Shouldn't you be more worried about villagers overseas subsisting on a dollar a day?

Some of them prefer to keep farming or to run small local businesses, and they're lucky to get loans from the Grameen Bank and its many emulators. But other villagers would prefer to make more money by working in a factory. If you want to help them, remember the new social justice slogan proposed by Strong: ''Act locally, think globally: Shop Wal-Mart.''

Monday, February 27, 2006

เมนูประชาธิปไตย

1. ไม่ชอบคุณทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรี

2. ชื่นชมคุณสนธิ

3. เห็นด้วยกับแนวความคิดนายกพระราชทาน หรือคนกลางพระราชทาน

4. คว่ำบาตรการเลือกตั้ง

ถ้าคนไทยสักคนเลือกข้อหนึ่ง แล้วต้องเลือกข้อ 2 3 4 5 ด้วยไหมครับ? หรือว่าทั้งหมดนี้มาด้วยกันเป็นอาหารชุด?