"ส่วนคำถามเรื่องจริยธรรมว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น ผมไม่ได้รับมอบหมายให้มาพูดเรื่องนี้ บอกได้แต่เพียงว่า การซื้อขายครั้งนี้ไม่มีภาษี เรื่องอื่นนั้น อยู่นอกขอบเขตที่ได้รับมอบหมาย" สุวรรณ วลัยเสถียร
"เราไม่สามารถที่จะไปตีความได้ว่ามีความผิดด้านจริยธรรมหรือไม่ ต้องวัดกันที่ตัวบทกฎหมาย" ทนง พิทยะ
ก็อธิบายกันไปแล้วครับ ไม่น่าเชื่อครับ ลงล็อกเป๊ะๆ ไม่มีอะไรผิดเลย แต่ก็ต้องรอให้กลต.ตรวจกันต่อละครับ ว่าไอ้ที่กล่าวอ้างเรื่องระยะเวลา และสัดส่วนการถือหุ้นเนี่ย มีหลักฐานถูกต้องหรือเปล่า...แต่เรื่องงี้แก้กันไม่ยากครับ กระเป๋าเดียวกัน กรอกผิดก็ขอกรอกใหม่ เมืองไทยสบายๆอยู่แล้ว
เรื่องจ่าย-ไม่จ่ายภาษีตอนขาย นี่ผมไม่ติดใจอะไรครับ เพราะมันเป็น rule of the game ที่เมืองไทยไม่คิดจะเก็บภาษีจากกำไรการขายหลักทรัพย์ ถ้าคิดจะเก็บภาษีตอนเขากำไร กรมสรรพากรก็ต้องยอมให้คนไทยเครดิตภาษีคืนตอนเขาขาดทุนหุ้น ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็คงได้ แต่คงต้องศึกษากันนิดนึงว่า มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และแรงจูงใจในการระดมทุนขนาดไหน...
แต่ที่ผมติดใจอยู่นิดนึงคือ คือการโอนหุ้นให้พี่ชายคุณหญิงพจมาน (ต้องยอมรับครับว่าท่านนายกมีลูกช้าและน้อยไปหน่อย ไม่งั้นคงไม่มีปัญหานี้) ผมได้ยินว่ากรมสรรพากรตีความว่าเป็นการให้โดยเสน่หาฯ เลยไม่ต้องนับรวมเป็นเงินได้ ก็เถียงกันได้ครับ
มาตรา 42 ตามประมวลรัษฎากรบอกไว้ว่างี้ครับ "เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้..." หนึ่งในนั้นคือ "(10) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี"
แต่ผมสงสัยว่าขนบธรรมเนียมประเพณีไทยข้อไหนบอกว่าต้องยกหุ้นให้พี่เมียเหรอครับ?
คงไม่ต้องประกาศเป็นวันพี่เมียแห่งชาตินะครับ....