Monday, June 27, 2005

ฟองสบู่? (ตอนที่ 1)

เที่ยงคืน ห้าสิบห้านาที คืนว้นอาทิตย์

ง่วงมาก แต่นอนไม่ได้ เพราะงานยังไม่เสร็จ เลยมานั่งเขียน blog เล่นๆ เผื่อจะทำให้สมองแล่นขึ้นบ้าง

อยู่ที่นี่ช่วงนี้ ผมได้ยินคำว่า "ฟองสบู่" ค่อนข้างบ่อย และก็รู้สึกค่อนข้างเคยชินกับคำ คำนี้

ตอนเรียนที่อยู่ที่เมืองไทย ผมก็เห็นฟองสบู่เมืองไทยช่วงกำลังเบ่งบานเต็มที่ แล้วแตกก็ดังโป๊ะ ผมยังจำได้กับภาพตึกระฟ้าสร้างไม่เสร็จ ที่ตามหลอกหลอนคนไทยอยู่หลายปี

พอมีวาสนามาเรียนเมืองนอกกะเขา ผมก็ไปเรียนอยู่เมืองที่ไม่ไกลจาก silicon valley มากนัก ช่วงนั้นก็เป็นช่วงฟองสบู่ของธุรกิจ dot com กำลังเบ่งบานเต็มที่เหมือนกัน

ผมเลยมีโอกาสได้เห็นฟองสบู่ขนาดใหญ่อีกครั้ง ผมจำได้ว่าเคยเถียงกับเพื่อนเรื่องหุ้น amazon ที่ตอนนั้นขายกันหุ้นละหลายร้อยเหรียญ ในขณะที่ธุรกิจยังไม่เคยกำไรเลยด้วยซ้ำ แต่ราคาก็อยู่ตรงนั้นได้เป็นปี

แล้วผมก็ได้อยู่จนเห็น dot com bubble แตกดังโป๊ะเป็นครั้งที่สอง

จนผมย้ายมาอยู่แถวๆวอชิงตัน ดีซี ก็มีคนบอกอีกว่าตอนนี้ราคาบ้านที่นี่กำลังเป็นฟองสบู่ ราคาบ้านและคอนโดที่นี่เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในระยะเวลาสามปี (!) ลองเทียบราคาเล่นๆดูว่า คอนโดหนึ่งห้องนอน สภาพใหม่ถึงกลางเก่ากลางใหม่ ไม่ไกลสถานีรถไฟใต้ดินมากนัก ขายกันอยู่ประมาณ 350,000-400,000 เหรียญ (เกือบสิบหกล้านบาทไทย!) โอ้ อยากอุทานเป็นเสียงสเปน มันอะไรกันนักหนา

แม้ว่า เมื่อเทียบราคากันแล้ว ที่นี่จะยังแพงสู้ซานฟรานซิสโก หรือ นิวยอร์ค หรือ ลอนดอน ไม่ได้ แต่ผมว่าที่มันน่ากลัวคือ มันเริ่มอธิบายลำบากว่าทำไมราคามันต้องแพงขนาดนี้ ทำไมเหรอครับ เอาไว้วันหลังมีโอกาสจะเอามาเล่าให้ฟัง (แต่วันนี้ง่วงแล้ว) ช่วงนี้ใครสนใจลองไปอ่าน the economist เล่มสัปดาห์ที่แล้ว หรือเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนดูนะครับ

เลยเริ่มรู้สึกว่าทำไม ทำไม ย้ายไปอยู่ที่ไหนก็เจอแต่ฟองสบู่เต็มไปหมด แต่สงสัยดวงผมจะไม่ค่อยถูกกับฟองสบู่ ไปที่อยู่ไหนมันแตกเอา แตกเอา...

แล้วก็เลยเกิดคำถามในใจว่า อะไรคือ bubble หรือ ฟองสบู่ กันแน่ แล้วจะบอกได้ยังไงว่า สิ่งที่เราเห็นอยู่มันเป็นฟองสบู่หรือเปล่า

มีคนบอกว่าถ้าราคาเพิ่มสูงเกินกว่ามูลค่าพื้นฐาน (fundamental value) นั่นแหละฟองสบู่ คำถามต่อไปก็คือ แล้วอะไรคือมูลค่าพื้นฐาน?

ถ้าเอาสแตมป์ดวงนี้ไปใช้ เขาคงปรับเอาแน่ๆ เพราะมันสแตมป์ใช้แล้วชัดๆ แต่ทำไมเขาถึงซื้อขายกันดวงละ 30,000 เหรียญละครับ อย่างนี้เขาเรียกฟองสบู่หรือเปล่าน้า

อืม ยิ่งคิดยิ่งยาก กลับไปทำงานต่อก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวไม่เสร็จละโดนเจ้านายเล่นงาน เดี๋ยวหัวจะแตกเป็นฟองสบู่ซะก่อน

แล้วคิดออกแล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ

ราตรีสวัสดิ์

3 Comments:

At 11:29 AM, Blogger pin poramet said...

ดูมัน

บอกแล้วว่าเดี๋ยวนี้ไอ้ป๊อปมันร้าย เห็นยัง

 
At 11:39 AM, Blogger kickoman said...

ที่ไหนเหรอ สถานที่พิเศษมีฟองสบู่เยอะๆ

ฟังแล้วงง

ไม่เข้าใจ

สับสน

 
At 12:44 AM, Blogger pin poramet said...

อะไรทำให้ราคาของมันสูงขึ้นมากๆๆ ล่ะ?

อันหนึ่งก็คือ ของมันมีน้อย เช่น แสตมป์พิเศษมีดวงเดียวในโลก แสตมป์หายากเพราะพิมพ์ผิดตรงนี้หน่อย ฯลฯ พวกนี้ก็ราคาสูงมากๆ ได้

และยิ่งของมีน้อย คุณค่าทางจิตใจที่ท่านป๊อปบอกก็ยิ่งมีสูง ก็โยงไปสู่ราคาที่สูงได้

แต่อีกปัจจัยหนึ่ง คือ แรงเก็งกำไร ที่คิดว่า ถึงแม้ตอนนี้ซื้อสินค้าเกินราคาพื้นฐานหรือราคาตลาดแล้ว ก็ยอมซื้อแพง เพราะคิดว่าในอนาคตอันไม่ไกล จะขายได้แพงกว่านี้อีก เพราะมีคนต้องการซื้อแพงเช่นกัน และคนเหล่านั้นก็คิดว่าในอนาคตไกลออกไปอีกหน่อยจะขายได้แพงขึ้นกว่าราคาที่เขาซื้อมาอีก เรื่อยไป...

นี่คือราคาที่สูงขึ้นจากแรงเก็งกำไร ราคาบ้านเดี่ยวสูงไม่ใช่เพราะคนทั้งเศรษฐกิจเกิดมีรายได้สูงขึ้นเหมือนๆกันหมดจนมีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้นหมด ไม่ใช่เพราะมีรสนิยมเปลี่ยนแปลงอยากได้บ้านเดี่ยวเหมือนกันหมด ไม่ใช้อยากมีบ้านไว้ 'ใช้' เหมือนกันหมด

แต่เพราะคิดว่า อนาคตราคาบ้านจะแพงขึ้นเหมือนกันหมด จนน่าซื้อลงทุนไว้ขายต่อ(ลงทุน)เพื่ออนาคตจะดีกว่า ถ้าแรงกระตุ้นเพื่อเก็งกำไรเหล่านี้มันทำให้ราคาสูงกว่าราคาบ้านระดับเดิมก่อนหน้ามากๆๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นฟองสบู่

ราคามันสูง โดยไม่มีฐานอะไรที่เป็น 'ของจริง' หนุนหลัง ซึ่งเมื่อไหร่ที่การคาดการณ์กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม เช่น คนคาดว่าฟองสบู่ใกล้แตกแล้วไล่ๆกัน คนที่ซื้อแพงเป็นกลุ่มท้ายปล่อยของไม่ได้ ราคาก็จะหล่นลงอย่างแรง

ฟองสบู่มันเกิดจากการไล่ซื้อของเพื่อเก็งกำไรนั่นเอง

 

Post a Comment

<< Home